Resources

สาสน์พระสันตะปาปาถึงเยาวชน
ปี 2018 ครั้งที่ 33

โดย เพื่อนคู่คริสต์ | 3 นาที

มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน” (ลก. 1: 30)

สาส์นถึงเยาวชนของโลกในโอกาสวันเยาวชนโลกครั้งที่ 33 ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองกันระดับสังฆมณฑลในวันอาทิตย์ใบลานที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2018 ภายใต้หัวข้อ “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน” (ลก. 1: 30)
+++

เยาวชนที่รัก

วันเยาวชนโลกปีค.ศ. 2018 หมายถึงอีกก้าวหนึ่งสำหรับการเตรียมวันเยาวชนสากลที่จะมี การเฉลิมฉลองกันที่ประเทศปานามาในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 ก้าวใหม่แห่งการเดินทางแสวง บุญนี้จะเกิดขึ้นในปีเดียวกันกับที่เราจะมีการประชุมสมัชชาซีน็อดพระสังฆราชในหัวข้อ เยาวชน  ความเชื่อ และการไตร่ตรองกระแสเรียก นี่เป็นเหตุการณ์น่าชื่นชมที่เกิดขึ้นพร้อมกัน การสวด ภาวนาและการไตร่ตรองเป็นเป้าหมายที่พระศาสนจักรจะมอบให้กับเยาวชนผู้ปรารถนาที่จะรับ  และที่สำคัญที่สุดคือที่จะฉวยโอกาสรับของขวัญล้ำค่าซึ่งเยาวชนพึงมีปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้า และ กับพระศาสนจักร และ กับโลก 

อย่างที่พวกเธอทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในการเดินทางนี้เราเลือกที่จะรับการคุ้มครองจาก แบบฉบับของมารีย์สตรีสาวแห่งตำบลนาซาเร็ธซึ่งพระเจ้าทรงเลือกให้เป็นมารดาแห่งพระบุตรของ พระองค์ พระนางจะเดินทางร่วมไปกับเราไปยังการประชุมซีน็อดและในการชุมชุมเยาวชนสากลที่ ประเทศปานามา ปีที่แล้วเราได้รับการชี้นำจากพระวาจาแห่งเพลงสรรเสริญของพระนาง “พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า” (ลก. 1: 49) ทรงสอนเราให้ระลึกถึง อดีต ปีนี้พร้อมกับพระนางมารีย์ เราวอนขอฟังเสียงของพระเจ้าซึ่งทรงบันดาลให้เรามีความกล้า หาญและประทานพระหรรษทานที่จำเป็นเพื่อที่เราจะได้ตอบสนองต่อกระแสเรียกของพระองค์ “มารีย์ จงอย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน” (ลก. 1: 49) นี่เป็นคำพูดที่กล่าวโดยอัคร เทวดาคาเบรียลฑูตสวรรค์ของพระเจ้าต่อมารีย์ ซึ่งเป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งของกาลิลี 

1. จงอย่ากลัวเลย 

พอจะเข้าใจกันได้ การปรากฏองค์โดยทันทีทันใดของฑูตสวรรค์พร้อมกับการทักทาย “จง ยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” (ลก. 1: 29) ทำให้มารีย์ตกใจ พระ นางทรงประหลาดใจในการไขแสดงอัตลักษณ์กระแสเรียกของเธอเป็นครั้งแรกซึ่งไม่เป็นที่ล่วงรู้ของ เธอมาก่อน มารีย์เฉกเช่นคนอื่นๆในพระคัมภีร์ตัวสั่นต่อพระธรรมล้ำลึกแห่งกระแสเรียกของพระ เจ้า ผู้ซึ่งในพริบตาเดียวทรงให้แผนการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และทรงทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อยเพราะ เธอเป็นสิ่งสร้างตัวเล็กๆผู้หนึ่งเท่านั้น ฑูตสวรรค์มองเห็นส่วนลึกแห่งจิตใจของเธอจึงกล่าวว่า “จง อย่ากลัวเลย” พระเจ้าก็ทรงอ่านดวงในส่วนที่ลึกของเราเช่นเดียวกัน พระองค์ทรงทราบดีถึงการ ท้าทายต่างๆที่เราต้องเผชิญในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องเผชิญกับการตัดสินใจขั้นพื้นฐาน ที่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเป็นอะไรและจะทำอะไรในโลกนี้ ซึ่งเป็น “ความกลัว” ที่เรารู้สึกได้เมื่อต้อง เผชิญกับการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคต ในสถานภาพชีวิต และกระแสเรียก ณ เวลาดังกล่าวเรารู้สึก ลำบากใจและกลัวไปสารพัด และพวกเธอที่เป็นเยาวชน พวกเธอกลัวอะไร? อะไรที่เป็นสิ่งกวนใจเธอมากที่สุด? ความ กลัว “ภายในใจ” ที่พวกเธอหลายคนมีคือการที่ไม่ได้รับความรัก ไม่ได้รับความชอบ หรือไม่เป็นที่ ยอมรับว่าเธอเป็นใคร ทุกวันนี้มีคนหนุ่มสาวเป็นอันมากรู้สึกว่าจำเป็นที่ตนต้องทำตนเป็นคน แตกต่างจากการที่ตนเป็นจริง แล้วก็พยายามที่จะปรับตัวให้อยู่ในมาตรฐานแบบเทียมๆที่ตนทำ ไม่ได้ พวกเขาพยายาม “สร้างภาพ” ตนเองอยู่เสมอ ซ่อนตัวอยู่ในหน้ากากและอัตลักษณ์เทียม  จนแทบจะกลายเป็นตัวตนเทียม หลายคนหลงอยู่แต่ให้คนอื่นชอบตนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ความกลัวและความไม่แน่นอนหลายอยางที่สลับซับซ้อนเกิดจากความรู้สึกว่าตนยังขาดโน่นขาดนี่  ส่วนคนอื่นพากันกลัวว่าตนจะไม่สามารถมีความปลอดภัยทางอารมณ์แล้วจะต้องอยู่อย่างสันโดษ ตามลำพัง หลายคนเผชิญกับความไม่แน่นอนของการทำงาน กลัวที่จะไม่ได้รับตำแหน่งอาชีพที่ตน ชอบ หรือกลัวที่จะไปไม่ถึงดวงดาวที่ใฝ่ฝัน ทุกวันนี้คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ต่างอยู่ใต้ความวิตกกังวล ทั้งคนที่มีความเชื่อและคนที่ไม่มีความเชื่อ อันที่จริงผู้ที่ได้รับของขวัญแห่งความเชื่อและพยายามที่ จะแสวงหากระแสเรียกของตนอย่างจริงจังก็ไม่อาจละเว้นจากความกลัวเช่นเดียวกัน บางคนคิดว่า บางทีพระเจ้าทรงขอหรือกำลังขอจากข้าพเจ้ามากเกินไป โดยการเดินตามเส้นทางที่พระองค์ ทรงกำหนดไว้สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคงจะไม่มีความสุขแท้จริง หรือข้าพเจ้าคงจะไม่สามารถทำ ตามที่พระองค์ทรงขอจากข้าพเจ้า บางคนคิดว่า ถ้าข้าพเจ้าเดินตามทางที่พระเจ้าทรงชี้ให้ข้าพเจ้า เดิน ใครจะกล้ารับประกันได้ว่าข้าพเจ้าจะทำได้โดยตลอด? ข้าพเจ้าจะหมดกำลังใจหรือเปล่า?  

ข้าพเจ้าจะเสียความกระตือรือร้นหรือไม่? ข้าพเจ้าจะสามารถยืนหยัดได้จนตลอดชีวิตหรือ? ในเวลาแห่งความสงสัยและความกลัวท่วมท้นในหัวใจ การไตร่ตรองแยกแยะเป็นสิ่งจำเป็น  ซึ่งจะช่วยให้เราจัดระเบียบความสับสนแห่งความคิดและความรู้สึกของเรา ทำให้เรากระทำด้วย วิธีการที่ชอบธรรมและเฉลียวฉลาด ในกระบวนการนี้สิ่งแรกที่จะเอาชนะความกลัวได้ คือค้นหา ความกลัวนั้นให้พบเสียก่อน เพื่อมิให้เสียเวลาและเสียพลังงานด้วยการถูกหลอนจากปีศาจที่ไม่มี หน้าตา หรือผีที่ไม่มีตัวตน ดังนั้นพ่อจึงขอเชิญพวกเธอทุกคนให้มองลึกๆเข้าไปในตนเองแล้ว “ตั้ง ชื่อ” ความกลัวของเธอ ถามตัวเองว่า อะไรทำให้ข้าพเจ้าผิดหวัง อะไรทำให้ฉันกลัวมากที่สุด ณ  เวลาใดเวลาหนึ่งแห่งชีวิต? อะไรเป็นอุปสรรคที่กีดกันไม่ให้ฉันก้าวหน้า? เหตุใดฉันจึงไม่กล้าที่ จะตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญที่ฉันจะต้องตัดสินใจ? จงอย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวด้วย ความซื่อสัตย์ ที่จะทราบความกลัวดังกล่าวว่ามันคืออะไร แล้วจัดการกับมันให้เรียบร้อย พระ คัมภีร์มิได้มองข้ามประสบการณ์ของมนุษย์เกี่ยวกับความกลัวและต้นเหตุของมัน อับราฮัมมีความ กลัว (เทียบ ปฐก. 12: 10ff) ยากอบก็มีความกลัว (เทียบ ปฐก. 31: 31; 32: 7) โมเสสก็ไม่เว้น  (เทียบ อพย. 2: 14; 17: 4) เปโตร (มธ. 26: 69ff) และบรรดาอัครสาวก (เทียบ มก. 4: 38-40;  มธ. 26: 56) แม้แต่พระเยซูเจ้าเอง ถึงจะเป็นอุปมา ก็ยังมีประสบการณ์กับความกลัวและความ ร้อนใจ (เทียบ มธ. 26: 37; ลก. 22: 44) 

“ตกใจเช่นนี้ทำไม ท่านยังไมมีความเชื่อดอกหรือ?” (มก. 4: 40) ในการเตือนอัครสาวก พระเยซูทรงช่วยให้เราเข้าใจว่าอุปสรรคของความเชื่อ บ่อยครั้งไม่ใช่ความดื้อรั้นแต่เป็นความกลัว  เมื่อเข้าใจเช่นนี้การไตร่ตรองจะทำให้เราเข้าใจถึงความกลัวของเรา ซึ่งจะช่วยให้เราเอาชนะได้ จะ เป็นการเปิดประตูให้กับชีวิตและช่วยเราให้สามารถเผชิญหน้ากับการท้าทายที่วิ่งเข้ามาในหนทาง ของเราอย่างเยือกเย็น สำหรับเราโดยเฉพาะที่เป็นคริสตชน ความกลัวต้องไม่เป็นสิ่งสุดท้าย แต่ ควรที่จะเป็นโอกาสให้เราได้แสดงความเชื่อในพระเจ้า… และในชีวิต! นี่หมายถึงเชื่อในความดี 

พื้นฐานแห่งการมีชีวิตที่พระเจ้าทรงประทานให้เราและหวังว่าพระองค์จะนำพาเราไปสู่เป้าหมาย สุดท้าย แม้กระทั่งท่ามกลางสิ่งแวดล้อมและกงกรรมกงเกวียนที่บ่อยครั้งทำให้เราเกิดอาการมึนงง  แต่หากเราควบคุมความกลัวได้เราจะกลายเป็นคนที่มองเข้าไปในตัวเองแล้วก็ปิดประตูเพื่อที่จะ ป้องกันตัวเราให้รอดพ้นจากทุกสิ่งเหมือนกับว่าเราเป็นคนง่อยคนพิการ เราต้องออกแรงทำงาน! 

อย่าปิดกั้นตนเอง! ในพระคัมภีร์คำที่บอกว่า “จงอย่ากลัว” มีการกล่าวย้ำถึง 365 ครั้ง ใน ความหมายต่างๆ ราวกับจะบอกเราว่า พระคริสตเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นอสระจากความกลัว ทุกวันตลอดปี  

การไตร่ตรองเป็นสิ่งที่จะขาดเสียมิได้เมื่อเราค้นหากระแสเรียกของเราในชีวิต บ่อยครั้ง กระแสเรียกของเราคลุมเครือหรือไม่มีความชัดเจนในระยะแรก แต่นี่เป็นอะไรที่เราจะค่อยๆเข้าใจ ที่ละเล็กทีละน้อย ในกรณีนี้การไตร่ตรองควรมองว่าเป็นความพยายามส่วนบุคคลในการมองเข้า ไปในตัวตนเองโดยมีเป้าหมายที่จะเข้าใจตนเองให้ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับคุณสมบัติภายในของเราเพื่อที่จะ สร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเราและรักษาไว้ซึ่งความสมดุล ในลักษณะดังกล่าวบุคคลผู้นั้นอาจ เป็นคนแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในขอบเขตจำกัดแห่งความสามารถและศักยภาพของตน แต่ กระแสเรียกนั้นเป็น การเรียกจากเบื้องบน และการไตร่ตรองในบริบทนี้โดยหลักใหญ่แล้วหมายถึง การเปิดใจเราให้กับพระผู้ที่ทรงเรียกเรา การสวดภาวนาอย่างเงียบๆจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะได้ ยินเสียงเรียกของพระเจ้า ซึ่งก้องกังวานอยู่ในมโนธรรมของเรา พระเจ้าทรงเคาะประตูหัวใจของ เราเฉกเช่นที่พระองค์ทรงกระทำต่อมารีย์ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะสร้างมิตรภาพกับเราโดย อาศัยการสวดภาวนา ที่จะตรัสกับเราโดยอาศัยพระคัมภีร์ ที่จะประทานพระเมตตาของพระองค์ แก่เราโดยอาศัยศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดีกัน และเพื่อที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับเราในศีลมหาสนิท 

นอกนั้นยังเป็นความสำคัญเช่นเดียวกันที่จะต้องมีการเสวนาและมีการสัมผัสกับผู้อื่นซึ่งเป็น พี่น้องชายหญิงของเราในความเชื่อที่มีประสบการณ์มากกว่าเรา เพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยให้เรา เห็นชัดขึ้นในการเลือกความเป็นไปได้ต่างๆอย่างเฉลียวฉลาด เมื่อเด็กหนุ่มซามูเอลได้ยินเสียงของ พระเจ้า เขายังไม่เข้าใจโดยทันที เขาวิ่งไปหาเอลีปุโรหิตชราถึงสามครั้งซึ่งในที่สุด เอลีได้เสนอการ ตอบสนองที่ถูกต้องต่อการเรียกของพระเจ้า “เมื่อพระองค์เรียกเธอ เธอต้องตอบว่า ‘โปรดตรัส เถิดพระเจ้าข้า ข้ารับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่” (1 ซมอ. 3: 9) ในความสงสัยเธอทราบดีว่าเธอ สามารถวางใจในพระศาสนจักรได้ พ่อทราบดีว่ามีพระสงฆ์ดีๆหลายองค์ผู้รับเจิมถวายตัวชายหญิง  และฆราวาสซึ่งหลายคนแม้ยังมีอายุไม่มากที่สามารถช่วยเธอได้ในการคลี่คลายความสงสัยของเธอ และช่วยให้เธอเข้าใจแผนการแห่งกระแสเรียกของเธอ คนอื่นไม่ใช่เพียงแต่ผู้นำวิญญาณ แต่ยังเป็น คนที่สามารถช่วยเธอให้เปิดใจกว้างสู่ความมั่งคั่งที่ไม่สิ้นสุดแห่งชีวิตที่พระเจ้าทรงมอบให้แก่เธอ  เป็นสิ่งสำคัญมากที่เธอต้องหาพื้นที่ว่างในเมืองและชุมชนที่จะเจริญเติบโต ที่จะใฝ่ฝัน และที่จะมอง ไปยังขอบฟ้าใหม่! อย่าสูญเสียความกระตือรือร้นที่จะชื่นชมกับมิตรภาพของผู้อื่นรวมทั้งความสุข ที่จะฝันด้วยกัน คริสตชนแท้จริงจะไม่กลัวที่จะเปิดใจตนเองสู่ผู้อื่นพร้อมกับแบ่งปันที่ว่างขอตน  พร้อมกับสร้างมิตรภาพกับเขา เยาวชนที่รัก อย่ายอมพูดเกี่ยวกับเยาวชนที่เหลิงอยู่ในความมืด แห่งห้องที่ปิดตายซึ่งหน้าต่างที่จะสู่ภายนอก นั่นคือมนุษย์คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน จงเปิด ประตูแห่งชีวิตให้กว้างไว้! ขอให้เวลาและช่องว่างของเธอเปี่ยมด้วยความสัมพันธ์ที่มีความหมาย  กับคนที่จริงจังในชีวิต กับคนที่เธอสามารถแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตประจำวันที่แท้จริงและเป็น รูปธรรม 

2. มารีย์! 

“เราเรียกชื่อของท่าน” (อสย. 43: 1) เหตุผลแรกที่เราไม่กลัวคือความจริงที่ว่าพระเจ้าทรง เรียกชื่อของเรา อัครทูตสรรค์ซึ่งเป็นผู้นำสาส์นของพระเจ้าเรียกขานชื่อมารีย์การเรียกชื่อเป็น อำนาจของพระเจ้า ในงานสร้างพระองค์ทรงเรียกชื่อสิ่งสร้างทุกชนิดให้เกิดขึ้น นี่คืออัตลักษณ์ที่ อยู่เบื้องหลังชื่อซึ่งต่างมีลักษณะจำเพาะของทุกสิ่งสร้าง อันเป็นแก่นภายในที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ ทรงทราบ อภิสิทธิ์ของพระเจ้านี้ถูกนำมาแบ่งปันให้กับมนุษย์เพื่อพระเจ้าทรงเชื้อเชิญมนุษย์ให้ตั้ง ชื่อสัตว์ นก และลูกหลานของตน (ปฐก. 2: 19-21; 4: 1) หลายวัฒนธรรมรับเอาทัศนวิสัยแห่งพระ คัมภีร์นี้ไว้ พวกเขาทราบดีถึงชื่อที่การไขแสดงแห่งพระธรรมล้ำลึกของชีวิตและความหมายแห่ง การดำรงชีวิต 

เมื่อพระเจ้าทรงเรียกชื่อของใครบางคน พระองค์ทรงเผยให้ผู้นั้นเห็นกระแสเรียกของตนให้ เห็นถึงแผนการแห่งความศักดิ์สิทธิ์และความสำเร็จซึ่งอาศัยสิงเหล่านี้บุคคลผู้นั้นกลายเป็น ของขวัญสำหรับผู้อื่น และผู้นั้นถูกทำให้เป็นผู้ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะพิเศษ เมื่อพระเจ้าทรงต้องการที่ จะขยายขอบฟ้าใหม่แห่งชีวิต พระองค์จะทรงประทานชื่อใหม่ให้กับผู้ที่พระองค์ทรงเรียก ดังที่ พระองค์ทรงทำกับซีมอนซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่าเปโตร จากนั้นเป็นต้นมาก็เกิดธรรมเนียมมีการตั้ง ชื่อกันใหม่เมื่อมีการเข้าคณะนักบวชเพื่อแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์และพันธกิจใหม่ เนื่องจากการ เรียกของพระเจ้านั้นเป็นการจำเพาะและส่วนตัวเราจำเป็นต้องกล้าที่จะเป็นอิสระจากความกดดัน ต่างๆเพื่อความพร้อมที่จะปฏิบัติตามพระวินัย เพื่อชีวิตของเราจะได้กลายเป็นของขวัญบริสุทธิ์ที่ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมิได้สำหรับพระเจ้า สำหรับพระศาสนจักร และสำหรับทุกคน 

เยาวชนที่รัก การถูกเรียกชื่อจึงเป็นเครื่องหมายแห่งศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของเราในสายพระ เนตรของพระเจ้าและเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระองค์ต่อเรา พวกเธอทุกคนเป็น “ตัว เธอ” ของพระเจ้า มีคุณค่าในสายพระเนตรของพระองค์ สมควรที่จะได้รับความเคารพและความ รัก (เทียบ อสย. 3: 4) จงต้อนรับการเสวนาด้วยความยินดีที่พระเจ้าทรงมอบให้เธอ พระองค์ทรง เอ็นดูเธอ และเรียกชื่อของเธอ  

3. ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน 

เหตุผลหลักที่มารีย์ไม่กลัวคือพระนางเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า คำว่า “พระหรรษ ทาน” หมายถึงความรักที่ให้เปล่ามิใช่ที่เป็นหนี้ เราได้รับแรงบันดาลใจสักเท่าใดเพื่อทราบว่าเรา ไม่จำเป็นต้องมี “ประวัติส่วนตัวขั้นเลอเลิศ” มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีความสำเร็จมากมาย เพื่อที่จะมีความใกล้ชิดและได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า ทูตสวรรค์กล่าวกับมารีย์ว่า ท่าน ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า ไม่ได้บอกว่าเธอจะได้รับสิ่งนี้ในอนาคต ลักษณะเดียวกันแห่ง ทูตสวรรค์จึงช่วยให้เราเข้าใจว่าพระหรรษทานของพระเจ้านั้นมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เป็นอะไรที่ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพราะเหตุนี้เราจึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีพระหรรษทาน แม้ในอนาคตพระ หรรษทานของพระเจ้าจะมีอยู่เสมอเพื่อที่จะทำนุบำรุงเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เราถูกผจญ และอยู่ในความมืด 

การประทับอยู่อย่างต่อเนื่องแห่งพระหรรษทานของพระเจ้าจะช่วยเราให้ตอบรับกระแส เรียกของเราด้วยความมั่นใจ กระแสเรียกของเราเรียกร้องให้เราต้องมีความซื่อสัตย์ซึ่งเราต้องคอย รื้อฟื้นอยู่ทุกวัน หนทางแห่งกระแสเรียกของเราจะปราศจากซึ่งไม้กางเขนก็หาไม่ ไม่เป็นเพียงแต่ ความสงสัยของเราในช่วงต้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการล่อลวงบ่อยๆที่เกิดขึ้นเสมอบนเส้นทางชีวิตของ เรา ความรู้สึกว่าเรายังบกพร่องโน่นบกพร่องนี่อยู่คู่กับบรรดาอัครสาวกของพระเยซูคริสต์จนถึง ที่สุด แต่กระนั้นพวกเขาก็ทราบกันดีถึงความช่วยเหลือแห่งพระหรรษทานของพระเจ้า 

คำพูดของทูตสวรรค์ลงมาสู่มนุษย์อย่างน่าเกรงขาม พร้อมกับละลายความกลัวนั้นด้วย อำนาจแห่งข่าวดีซึ่งเราเป็นผู้ถือสาส์นนั้น ชีวิตของเราไม่ได้เป็นแค่การเสี่ยงหรือการดิ้นรนเพื่อ ความอยู่รอดเท่านั้น แต่ว่าเราแต่ละคนเป็นเรื่องราวที่ได้รับการโปรดปรานและได้รับความรักจาก พระเจ้า เราได้รับ “ความโปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์” หมายความว่าพระผู้สร้างทรง แลเห็นความสวยงามพิเศษในความเป็นตัวตนของเรา และพระองค์ทรงมีแผนการยิ่งใหญ่สำหรับ ชีวิตของเรา แน่ละการตระหนักถึงความแน่นอนนี้ไม่ได้แก้ปัญหาทุกอย่างของเรา และไม่ได้ขจัด ความไม่แน่นอนแห่งชีวิตออกไป แต่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของเราได้อย่างหลังมือเป็นหน้ามือ การที่ เราไม่ทราบว่าพรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเรา ไม่ใช่การคุกคามมุมมืดที่เราต้องเอาชนะ แต่เป็น เวลาแห่งความโปรดปรานที่พระเจ้าทรงมอบให้เราเพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตตามกระแสเรียกเฉพาะ ของเรา และเพื่อจะได้แบ่งปันกับบรรดาพี่น้องชายหญิงของเราในพระศาสนจักรและในโลก 

4. ความกล้าหาญในขณะนี้  

จากความมั่นใจว่าพระหรรษทานของพระเจ้าสถิตอยู่กับเราจะทำให้เรามีพลังกล้าหาญ ในขณะปัจจุบัน มีความกล้าที่จะปฏิบัติตามที่พระเจ้าทรงขอจากเราที่นี่และบัดนี้ในทุกมิติแห่งชีวิต กล้าที่จะน้อมรับกระแสเรียกที่พระเจ้าทรงเผยแสดงให้เรา กล้าที่จะเจริญชีวิตในความเชื่อโดยไม่ ซุกซ่อนหรือทำให้ความเชื่อลดน้อยถอยลง 

ใช่แล้ว เมื่อเราเปิดดวงใจให้กับพระหรรษทานของพระเจ้า สิ่งที่เป็นไปไม่ได้จะกลายเป็น ความจริง และเป็นไปได้“ถ้าพระเจ้าอยู่ข้างเราใครจะสู้เราได้” (รม. 8: 31) “บัดนี้” พระหรรษ ทานของพระเจ้ากำลังสัมผัสกับชีวิตของเธอ “ประทับอยู่” กับเธออย่างที่เธอเป็น อยู่กับความกลัว และข้อจำกัดทุกอย่างของเธอ แต่พระหรรษทานยังเผยให้เธอเห็นถึงแผนการอันน่าอัศจรรย์ของ พระเจ้าด้วย เธอที่เป็นเยาวชนจำเป็นต้องทราบว่ามีใครบางคนที่เชื่อในตัวเธอจริงๆ โปรดทราบ ด้วยว่าสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเชื่อใจพวกเธอ พระศาสนจักรเชื่อใจในเธอ สำหรับส่วนของพวก เธอก็ขอให้มีความเชื่อใจในพระศาสนจักรด้วย 

พันธกิจสำคัญที่มอบให้กับมารีย์ก็เพราะว่ามารีย์ยังเป็นสาวน้อย พวกเธอที่ยังหนุ่มสาว ล้วนมีพลังในขณะที่ต้องเดินทางขั้นตอนต่างๆแห่งชีวิตซึ่งเธอมีพลังเข้มแข็งอยู่เสมอ จงใช้อำนาจ แห่งพลังนี้ในการพัฒนาโลกด้วยการเริ่มต้นจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเธอมากที่สุด พ่อต้องการมอบความ รับผิดชอบที่สำคัญนี้ไว้กับพวกเธอภายในพระศาสนจักรซึ่งต้องมีที่ว่างสำหรับพวกเธอ เพื่อพวก เธอจะได้มีความพร้อมที่จะมีความรับผิดชอบเหล่านี้ 

พ่อขอเชิญชวนพวกเธออีกครั้งหนึ่งให้พิศเพ่งไปยังความรักของมารีย์ อันเป็นความรักที่ คอยดูแลเอาใจใส่ เป็นความรักที่มีพลังและเป็นรูปธรรม เป็นความรักที่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ  และมุ่งไปยังการทำตนเป็นของขวัญอย่างสิ้นเชิง พระศาสนจักรที่มีคุณภาพเหล่านี้ของมารีย์จะ เป็นพระศาสนจักรที่ออกไปสู่ภายนอกเสมอ จะเป็นพระศาสนจักรที่ก้าวข้ามเขตแดนและขีดจำกัด ของตน เพื่อให้พระหรรษทานที่ตนได้รับนั้นหลั่งไหลไปสู่มนุษยชาติ หากเรายอมให้แบบฉบับของ มารีย์สัมผัสเราอย่างแท้จริง เราจะเจริญชีวิตโดยอัตโนมัติซึ่งความรักนั้นจะเอื้อให้เรารักพระเจ้า เหนือสิ่งใดๆและเหนือตัวเราเอง จะทำให้เรารักเขาเหล่านั้นที่เราดำเนินชีวิตประจำวันร่วมกัน และ เราจะรักผู้ที่ดูเหมือนว่าจะยากที่จะรัก นี่เป็นความรักแห่งการรับใช้และการอุทิศตนโดยเฉพาะ อย่างยิ่งต่อคนอ่อนแอและยากจน นี่เป็นความรักที่เปลี่ยนใบหน้าของเราและทำให้เราเปี่ยมล้นด้วย ความชื่นชมยินดี 

พ่ออยากจบสาส์นนี้ด้วยคำพูดที่สวยงามของนักบุญเบอร์นาร์ดในบทเทศน์ที่มีชื่อเสียงของ ท่านเกี่ยวกับพระธรรมล้ำลึกของการที่ทูตสวรรค์แจ้งเหตุแก่มารีย์ ซึ่งเป็นคำพูดที่ชี้ให้เห็นล่วงหน้า ถึงชะตะกรรมของมนุษยชาติในคำตอบของมารีย์ “ข้าแต่หญิงพรหมจารี ท่านได้ยินแล้วว่าท่านจะ ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย ท่านได้ยินแล้วว่าทารกจะไม่เกิดจากมนุษย์ แต่จากองค์พระจิตเจ้า แล้วทูตสวรรค์ก็รอคำตอบ… ข้าแต่พระแม่ เราก็กำลังรอคำตอบ อันเป็นคำตอบแห่งความเห็นอก เห็นอกเห็นใจของพระแม่เช่นเดียวกัน… ในคำตอบสั้นๆของพระแม่เราจึงถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะได้กลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่… นี่คือสิ่งที่โลกทั้งโลกกำลังรอคอย เราขอกราบ ณ แทบเท้าของพระแม่… ข้าแต่พระแม่พรหมจารีมารีย์โปรดตอบโดยเร็วด้วยเถิด” (Sermon 4, 8-9; Opera  Omnia) 

เยาวชนที่รัก พระเยซูคริสตเจ้า พระศาสนจักร และโลกกำลังรอคำตอบของพวกเธอต่อ กระแสเรียกเฉพาะะที่เธอแต่ละคนได้รับในชีวิตนี้ เนื่องจากวันเยาวชนสากลที่ประเทศปานามา กำลังใกล้เข้ามา พ่อขอเชิญชวนพวกเธอให้เตรียมตัวไปชุมนุมกันด้วยความชื่นชมยินดีและด้วย ความกระตือรือร้นสำหรับผู้ที่ต้องการไปร่วมในการผจญภัยอันยิ่งใหญ่นี้ วันเยาวชนสากลเป็นวัน ของบุคคลที่มีความกล้า ไม่ใช่สำหรับคนที่มัวแต่แสวงหาความสบายหรือคนที่ถอยหลังทุกครั้งเมื่อ เผชิญความทุกข์ยากลำบาก เธอกล้ารับการท้าทายนี้หรือไม่? 

จากนครรัฐวาติกัน วันที่ 11 กุมภาพันธ์ค.ศ. 2018 
วันอาทิตย์ที่ 6 แห่งเทศกาลธรรมดา 
วันรำลึกถึงการประจักษ์ของแม่พระที่เมืองลูร์ด 

ฟรังซิส